วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561

เผยน้องเคลียร์ เคยจะโดดตึก ญาติรุดพบตร.อยากรู้เหตุคิดสั้นฆ่าตัว ผัวเมียวินจยย.เผย!!

ญาติ “น้องเคลียร์” ไลฟ์โดดสะพานพระราม 8 รุดพบตร.ให้ข้อมูลเพิ่มเติม ยืนยันญาติไม่ได้ผลักไสอยากรู้สาเหตุคิดสั้นฆ่าตัว พร้อมไปตรวจสอบห้องพักย่านลาดพร้าว ไม่พบร่องรอยต่อสู้ รื้อค้น ไม่พบสมุดโน้ต หรือจดหมายใดๆ ด้านผัวเมียวินจยย.รับจ้างที่ผู้ตายใช้ประจำ เผยเคยให้มาพักห้องลูกสาว เคยพยายามโดดชั้น 8 ฆ่าตัว แต่ช่วยไว้ได้ทัน ติดต่อญาติระบุมีภาวะซึมเศร้า กระทั่งทราบข่าวร้ายโดดสะพาน

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ สน.บวรมงคล นาย ศตคุณ ทิมา อายุ 34 ปี และ น.ส.สุภัทรา แย้มกลัด อายุ 19 ปี ญาติ น.ส.นิตยา สวัสดิวรรณ หรือ น้องเคลียร์ อายุ 18 ปี ที่ไลฟ์สดบนสะพานพระราม 8 แล้วปีนขอบกั้นสะพานก่อนพลัดตกลงไปเสียชีวิต เข้าพบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม

น.ส.สุภัทรา และนายศตคุณ ร่วมระบุว่า เดิมน้องเคลียร์มีชื่อเล่นว่าเอเชีย แต่ญาติและเพื่อนๆ เปลี่ยนมาเรียกเคลียร์ เพราะเป็นคนนิสัยร่าเริงแจ่มใส แม้กำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่ ชั้นประถมศึกษา อาศัยอยู่กับยาย จ.ระนอง จนถึงชั้นม.3 น้องเคลียร์ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ คนเดียว ญาติไม่เคยผลักไส แต่ให้ความรักและดูแลอย่างดี หลังจากแม่น้องเคลียร์เสียชีวิต น้องชายแม่เคลียร์อยู่สิงคโปร์ส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือนไม่เคยขาด

“ไม่คิดว่าน้องจะตัดสินใจแบบนั้น ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ ทราบแค่ว่าน้องมีแฟน ตอนนี้ก็ยังติดต่อแฟนน้องไม่ได้เลย ก็อยากจะสอบถามถึงสาเหตุการฆ่าตัวตายของน้องเหมือนกัน” ญาติน้องเคลียร์กล่าว

ส่วน พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.สน. บวรมงคล กล่าวว่า ยังไม่เรียกตัวนายภัทรดนัย นุ่มศรีนารถ คนขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มาส่ง ผู้ตายบริเวณสะพานพระราม 8 แล้วถือโทรศัพท์มือถือของน้องเคลียร์ขณะไลฟ์ ก่อนพลัดตกสะพาน มาให้ปากคำเพิ่มเติมแต่อย่างใด แต่จะนัดอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก เพราะยังติดต่อกันอยู่ และนายภัทรดนัยไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี เคยเข้าให้ปากคำแล้ว 2 ครั้ง ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ ต้องรอให้สอบปากคำ และรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นก่อน

จากนั้น พ.ต.อ.วิรดล พร้อมด้วย ร.ต.อ. โสภณัฐ กลัดเกษา รองสว. (สอบสวน) สน. บวรมงคล ร้อยเวรเจ้าของคดี น.ส.สุภัทรา และนายศตคุณ เดินทางไปที่ห้องพักน้องเคลียร์ ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว เพื่อหาหลักฐานประกอบคดี จากการตรวจสอบพบห้องอยู่ในสภาพปกติ พบโน้ตบุ๊กวางบนเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้ง ไม่พบร่องรอยการรื้อค้น หรือต่อสู้ หรือทรัพย์สินสูญหาย รวมถึงจดหมาย หรือสมุดบันทึกส่วนตัวแต่อย่างใด

ขณะที่ทางญาติเก็บเอกสารสำเนาทะเบียนบ้าน และรูปของแม่น้องเคลียร์ที่ผนังห้อง ส่วนบนพื้นมีถาดอาหารแมว และหกเกลื่อนพื้น แต่ไม่พบแมวตัวที่น้องเคลียร์เลี้ยงไว้ และไม่ทราบว่าใครเอาไป ส่วน ร.ต.อ.โสภณัฐ หลัง จากตรวจห้องพักแล้ว ไปสอบปากคำ ผู้จัดการหอพัก เกี่ยวกับการเข้าออกและบุคคลที่มา หรือสนิทกับน้องเคลียร์ ขณะที่ญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต รวมถึงผู้ขับขี่รถจักรยาน ยนต์รับจ้างที่อยู่กับผู้ตายในที่เกิด เหตุด้วย

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวสอบถามสองสามีภรรยา วินมอเตอร์ไซค์ที่น้องเคลียร์ใช้บริการเป็นประจำ บริเวณปากซอยนาคนิวาส 37 เขตลาดพร้าว กทม. โดยทั้งคู่เปิดเผยว่า น้องเคลียร์มาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ได้เดือนกว่า เคยรับส่งน้องเป็นประจำ และคุยกันผ่านไลน์ให้ไปรับส่งที่ไหน ส่วนมากไปส่งน้องที่ฝั่งตรงข้ามห้างเซ็นทรัล พระราม 9 เพราะน้องเคยทำงานที่นั่น หลายครั้งก็จะบอกว่าไปส่งหนูหน่อย หนูไม่มีเงิน แต่ถึงสิ้นเดือนจะโอนเงินให้ ก็เข้าใจ เพราะน้องตัวคนเดียว และไม่เคยเห็นเดินกับผู้ชายคนไหนเลย มักเดินคนเดียว ถือตะกร้าแมวเดินเข้าออกเป็นประจำ

“ช่วงเดือนพ.ย. น้องยังไม่มีที่พัก และไม่มีงานทำ จึงให้มานอนที่ห้องลูกสาว ต่อมากลางเดือนพ.ย. มีคนมาบอกว่ามีคนพยายามจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย เป็นชั้นที่ 8 ที่อยู่ด้วย จึงรีบกลับไปดู พบเป็นน้องเคลียร์ แต่โชคดีข้างห้องพบเห็นและช่วยเหลือได้เสียก่อน จึงเข้าไปตักเตือนน้อง แต่น้องก็เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ บอกว่าหนูไม่รู้ตัว หนูมารู้ตัวอีกทีก็อยู่ตรงระเบียงแล้ว” ผัวเมียจยย.รับจ้างกล่าว

ผัวเมียวินจยย.กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นจึงโทร.ไปบอกญาติห่างๆ ของน้อง ญาติบอกว่าน้องมีสภาวะซึมเศร้า และญาติบอกว่าเดี๋ยวจะหาที่พักให้อยู่ใหม่ แต่ขอเวลา 1 เดือน เมื่อผ่านไป 1 เดือน เข้าไปดูในห้อง เห็นโน้ตทิ้งไว้ในห้องว่าขอบคุณนะ หลังจากนั้นน้องก็ย้ายมาอยู่นาคนิวาส 37 เป็นจุดที่ขับวินอยู่ แต่น้องมักก้มหน้า ไม่ทักทาย พอทราบข่าวกระโดดสะพานฆ่าตัวตาย ก็รู้สึกช็อกมาก ส่วนหนึ่งก็เสียใจมาก และจะไปร่วมฌาปนกิจด้วย บอกลาน้องเป็นครั้งสุดท้าย

สายเดียวกันแท้ๆ!! คนขับ-กระเป๋าฯ ปอ.6 แท็คทีมทะเลาะเดือดหวิดวางมวย เหตุชนท้ายกันเอง (คลิป)

เรื่องการทะเลาะกันกลางถนนสำหรับคนขับรถประจำทาง อาจจะมีให้เห็นบ้าง แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องกระทบกระทั่งกันระหว่างสายหนึ่งกับอีกสายหนึ่ง แทบไม่พบว่า จะมีการทะเลาะกันระหว่างสายเดียวกันเท่าไหร่

แต่ปรากฏว่า เมื่อเช้าวันที่ 5 มกราคม 2561 ได้เกิดการทะเลาะกันอย่างดุเดือดกลางถนน ระหว่างกระเป๋าและคนขับรถของ ปอ.6 ที่เกิดอุบัติเหตุชนท้ายกันเอง โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก FillcEo Kub ได้ถ่ายคลิปวีดีโอและนำมาเผยแพร่

โดยในคลิปกระเป๋ารถเมล์ของ ปอ.6 คันหน้าที่โดนชนท้าย ได้พูดว่า ชนเพื่ออะไร ได้อะไรขึ้นมา มีพยานเต็มถนน ซึ่งกระเป๋ารถเมล์ของ ปอ.6 คันหลังก็ได้ตอบกลับมาว่า พยานอะไรกูไม่สนใจหรอก พร้อมอ้างว่าคันหน้าจงใจเบลก ทำให้เกิดการชนกันชึ้น ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มีปากเสียงกันด้วยคำหยาบคายจำนวนมาก

กองเชียร์จัดหนัก! ท้าดวลตัวต่อตัว ฝั่งตัวเองเพลี่ยงพล้ำ คว้าสปาร์ตาฟันฝั่งตรงข้ามมือเกือบขาด

สมาชิกเฟซบุ๊กเพจ “แหม่มโพธิ์ดำ” โพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะที่กลุ่มนักเรียนขาสั้นกำลังรวมตัวกัน โดยมีคู่กรณี 2 คน ซึ่งมีเรื่องบาดหมางกำลังชกต่อยกันอยู่ ซึ่งก็มีหนึ่งในกองเชียร์ถือมีดสปาร์ตาแอบไว้ข้างหลัง กระทั่งฝ่ายของตัวเองเพลี่ยงพล้ำลงไปนอนกับพื้น หนุ่มน้อยก็ถือวิ่งเข้าไปฟันอีกฝ่ายจนมือเกือบขาด

ขณะเดียวกันผู้ปกครองของวเด็กที่ถูกฟันก็พยายามติดต่อพูดคุยกับผู้ปกครองของเด็กที่ใช้มีดฟันแต่กลับเงียบหายไป รวมถึงตำรวจก็เงียบหายไปเช่นกัน โดยระบุว่าเหตุเกิดตรงข้ามซีคอน และได้ไปแจ้งความที่ สน.พระโขนงไว้แล้ว แต่กลับไม่มีความคืบหน้า

(ชมคลิป)

ขอบคุณเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ

รองผบ.ตร.ยอมรับติดตามตัวยิ่งลักษณ์ มีข้อจำกัด นายกฯ-รมว.กลาโหม กำชับต้องจับให้ได้

กรณีปรากฏภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีถ่ายคู่กับหญิงไทยที่เดินทางไปเที่ยวที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษเมื่อช่วงปีใหม่ พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง(ผบก.พฐก.)กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าภาพล่าสุดซึ่งเป็นภาพถ่ายคู่เป็นไปได้มากว่า ไม่ใช่ภาพตัดต่อ แต่ภาพที่ปรากฏหญิงสาวเหมือนน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินชอปปิ้งไม่สามารถชี้ได้ว่าเป็นภาพจริงหรือตัดต่อเพราะความละเอียดของภาพไม่เพียงพอต่างจากภาพถ่ายคู่ที่ความละเอียดของภาพสูง ไม่สามารถบอกได้เลยว่าภาพทั้ง2ถ่ายเมื่อใดภาพเก่าหรือภาพใหม่เนื่องจากไม่มีภาพต้นฉบับตำรวจได้มาเพียงภาพที่ส่งต่อๆกันมาเท่านั้น

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ด้านความมั่นคง กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการตรวจสอบ โดยเฉพาะพล.อ.ประวิตร สั่งการให้ติดตามสืบสวนจับกุมน.ส.ยิ่งลักษณ์อย่างต่อเนื่องต้องจับกุมให้ได้ ยืนยันว่าตำรวจไทยไม่นิ่งนอนใจในการตามจับกุมอดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดเมื่อก่อนสิ้นปี2560กองการต่างประเทศได้สอบถามถิ่นพำนักของน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปยังตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพลแต่ยังไม่ได้รับคำตอบ แต่สั่งการให้สอบถามทุกระยะและรายงานมาให้ทราบทุก5-7วัน

รองผบ.ตร.ยอมรับว่า การติดตามตัวไม่มีความคืบหน้า หลังจากล่าสุดเมื่อเดือนพ.ย.2560ตำรวจสากลของสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์หรือยูเออีตอบว่าพบข้อมูลน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางออกจากยูเออี โดยแจ้งปลายทางไปยังประเทศอังกฤษ แต่ยังไม่มีคำยืนยันจากตำรวจสากลในอังกฤษว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปหรือพักในอังกฤษหรือไม่ ในการสอบถามผ่านช่องทางตำรวจสากลได้ถามถึงประเด็นการขอลี้ภัยทางการเมืองของน.ส.ยิ่งลักษณ์แต่ยังไม่มีข้อมูลตอบกลับมา ตำรวจสากลให้ความร่วมมือกับทางการไทยเป็นอย่างดีการติดตามก็เป็นไปตามขอบเขต เราไปเร่งรัดเขาไม่ได้

ยายช็อก!!!."น้องเคลียร์" ไลฟ์โดดน้ำ ปมชีวิต กำพร้า-โทรหาก่อนข่าวร้าย

ช็อกหลานสาวไลฟ์สดดิ่งสะพานจมแม่น้ำเจ้าพระยา ยายที่ระนองเผยเพิ่งโทรศัพท์มาร่ำไห้ระบายความในใจถูกผู้ชายหลอกไปทำไม่ดี ยอมรับหลานสาวมีปมด้อยเพราะกำพร้าพ่อแม่ เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก ต่อมาพอโตขึ้นไม่ทันจะจบม.4 ก็หนีเข้ากรุงบอกจะไปหางานทำ อยากให้พบร่างเร็วๆ จะได้ทำบุญไปให้ ด้านผกก.สน.บวรมงคลเผยจนถึงขณะนี้ไม่พบศพ ส่วนในทางคดีนั้นจะเรียกสอบเพิ่มในประเด็นอื่นๆ แต่ยังไม่แจ้งข้อหาจยย.รับจ้างที่ช่วยถือมือถือไลฟ์ก่อนเกิดเหตุสลด

ความคืบหน้ากรณีหญิงสาวอายุ 18 ปี ว่าจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้มาส่งที่สะพานพระราม 8 พร้อมกับขึ้นไปบนราวสะพาน โดยให้นายภัทรดนัย นุ่มศรีนารถ คนขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างถ่ายไลฟ์ผ่านมือถือส่วนตัวของฝ่ายหญิง จนเกิดเหตุสลดพลัดตกลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยาหายไป ซึ่งหญิงสาวรายดังกล่าวทราบชื่อภายหลังว่า น.ส.นิตยา สวัสดิวรรณ อายุ 18 ปี เป็นชาวระนอง ตามที่เสนอข่าวนั้น

เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่ สน.บวรมงคล พ.ต.อ. วิรดล ทับทิมดี ผกก.สน.บวรมงคล เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้เรียกตัวนายภัทรดนัย นุ่มศรีนารถ คนขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่ไปส่งหญิงสาวและเป็นผู้ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวน.ส.นิตยา มาสอบปากคำ โดยให้การว่า ตัวน.ส.นิตยาได้ว่าจ้างให้มาส่งที่สะพานพระราม 8 หลังจากนั้นน.ส.นิตยาก็ให้ช่วยไลฟ์สดเฟซบุ๊ก โดยไม่ทราบว่าหญิงสาว ดังกล่าวจะกระโดดลงไป คิดแค่ว่าต้องการให้ช่วยถ่ายบรรยากาศ หลังเกิดเหตุได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจและขอความช่วยเหลือคนในจุดเกิดเหตุให้เข้ามาช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใดๆ กับนายภัทรดนัย หลังจากมีการตั้งคำถามจากโลกโซเชี่ยลว่าทำไมไม่เข้าห้ามปรามหรือเข้าช่วยเหลือหญิงรายดังกล่าว ซึ่งหากพบมีความผิดในประเด็นใดก็จะเรียกตัวมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป

ส่วนความคืบหน้าการค้นหาตัวน.ส.นิตยานั้น พ.ต.อ.วิรดลกล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่พบตัวหรือร่างของผู้สูญหาย โดยได้ประสานให้เรือโดยสารและเรือต่างๆ ในพื้นที่ช่วยตรวจสอบหากพบร่างผู้เสียชีวิตในแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะมีการประสานข้อมูลทันที ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าหญิงดังกล่าวเสียชีวิตแล้วหรือไม่

ด้านนางปาริชาติ อนุกูลประชา อายุ 46 ปี น้าสาว กล่าวว่า น.ส.นิตยาไม่มีพี่น้อง พ่อกับแม่แยกทางกันตั้งแต่น.ส.นิตยายังเด็ก และแม่ของน.ส.นิตยาซึ่งเป็นพี่สาวของตนก็มาเสียชีวิตไปเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา น.ส.นิตยาจึงมาอาศัยอยู่กับตน และนางกาญจนา สุขุมวาท อายุ 73 ปี ผู้เป็นยายที่ จ.ระนอง หลานสาวเรียนถึงแค่ ม.3 และต่อ ม.4 ได้อีกแค่เทอมเดียวก็ลาออก ขอเดินทางเข้ามาทำงานที่กทม. แต่ก็ไม่ได้บอกว่าทำงานอะไร เมื่อกลางเดือนพ.ย.60 หลานสาวได้กลับมาทำบัตรประชาชนที่ จ.ระนอง แต่ก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังมากนัก หลานสาวจะสนิทกับยายมากกว่า นางกาญจนาซึ่งเป็นแม่ของตนเล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า หลานสาวมีปัญหาหัวใจมาเล่าให้ฟังแล้วร้องไห้ ซึ่งทุกคนก็ปลอบใจ และไม่ได้คิดว่าหลานสาวจะคิดสั้นขนาดนี้ หากพบศพหลานสาวตนก็จะเดินทางมารับศพกลับไปดำเนินการตามศาสนาต่อไป

ที่ จ.ระนอง ผู้สื่อข่าวได้ออกติดตามจนพบญาติผู้เสียชีวิต คือ น.ส.นิตยา หรือน้องเคลียร์ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ระนอง โดยกำนัน ต.บางนอน ได้ตรวจสอบบัญชีรายชื่อลูกบ้านแต่ไม่พบ และเดินทางไปบ้านหลังหนึ่ง พบนายมนัส วรพันธ์ เจ้าของบ้านซึ่งระบุว่า ญาติๆ น.ส.นิตยาเคยอยู่บ้านหลัง ดังกล่าวจริง กับทางญาติๆ ยายและน้าหลาน แต่ได้ย้ายออกไปนานแล้ว แต่พอมีเบาะแสที่อยู่ที่ย้ายออกไปทำมาหากิน

หลังผู้สื่อข่าวเดินทางตามหาญาติ 2-3 จุด จนในที่สุดก็พบกับนางกาญจนา สุขุมวาท อายุ 72 ปี ซึ่งลูกๆ เปิดร้านอาหารริมถนนเพชรเกษม โดยคุณยายกาญจนาซึ่งเดินเหินไม่ค่อยสะดวก นั่งอยู่ที่หน้าร้าน เมื่อถามว่าทราบข่าวเกี่ยวกับหลานสาวหรือยัง คุณยายกาญจนาบอกว่าเบื้องต้นทราบข่าวแล้ว และยืนยันว่าภาพบัตรประชาชนที่ตกอยู่ในจุดเกิดเหตุเป็นของน้องเคลียร์ หลานสาวตนจริง

ยายกาญจนาเล่าว่า ญาติๆ จาก กทม.โทร.มาบอกว่าน้องเคลียร์ตกแม่น้ำ ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจ จนมาเห็นข่าวทางเฟซบุ๊ก ถึงรู้ว่าหลานทำจริง ตอนแรกไม่นึกว่าจะกล้าทำ ก็ภาวนาขอให้เจอศพเร็วๆ สงสารหลาน สำหรับหลานสาวคนนี้ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เกิด เพราะเด็กกำพร้าพ่อ กำพร้าแม่ ตอนแรกพ่อตายไปก่อนแล้ว อยู่กับแม่แล้วมาตายทีหลัง อยู่บ้านเดียวกันมาตลอด อยู่ด้วยกันสองคนยายหลาน แม่เสียตอนยังไม่เข้าเรียนในชั้นมัธยม โดยมีน้าชายที่ทำงานอยู่สิงคโปร์ส่งเสียให้เรียนทุกอย่าง อยากจะเรียนอะไรก็ดูแลให้ทุกอย่าง ส่วนสาเหตุที่เข้าไปอยู่กรุงเทพฯ เพราะเพื่อนที่ระนองชวนไป ทั้งที่ที่บ้านไม่เคยให้ไปไหนเอง ลุงจะไปรับส่งโรงเรียนตลอด สองสามคนพี่น้อง ตอนจะไปก็หนีไป ตั้ง 2-3 ปี กว่าจะโทรศัพท์กลับมาหา ก็บอกอยากจะกลับมาอยู่ระนองก็กลับมาได้นะ

ยายกาญจนาเล่าต่อว่า ก่อนเกิดเหตุหลานสาวจะตายได้โทร.มาหา ตอนตี 2 โทร.มาแล้วร้องไห้ เราก็ถามลูกเคลียร์ร้องทำไม ปีใหม่แล้ว พอพูดแค่นั้นเขาก็บอกเขาผิดหวังเรื่องผู้ชาย ผู้ชายหลอกเขาไปทำไม่ดี แล้วก็ร้องไห้ หลังจากนั้นสายก็ตัดไปเลย แล้วก็ติดต่อไม่ได้เลย จนมารู้ข่าวตอนเช้าที่ลูกโทร.มาบอก

“ยายเลี้ยงเขาไม่เคยให้ลำบาก แต่เขามีปมด้อยเพียงเขาขาดพ่อขาดแม่ ถึงเราเป็นปู่ย่าตายาย มันก็ไม่เหมือนพ่อแม่เขาใช่มั้ย เหมือนเขาขาดความอบอุ่น แต่เราก็ดีทุกอย่าง เวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน ลูกชายมาทีก็เหมารถไปเที่ยวกัน เพราะเขาเป็นคนส่งเสียหลานคนนี้ ส่วนหลานติดต่อกลับมาไม่กี่ครั้งตั้งแต่ไปอยู่กรุงเทพฯ” คุณยายกล่าว

นอกจากนี้ คุณยายยังฝากช่วยประสานเตรียมการเรื่องวัดหากหลานสาวเสียชีวิตจริง เพราะไม่มีญาติพี่น้องอยู่ที่ระนอง ส่วนใหญ่จะอยู่กรุงเทพฯ พร้อมกันนั้นยังฝากให้ติดต่อญาติให้ช่วยจองวัด เพราะไม่รู้จะไปบอกใคร

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณี ดังกล่าว ว่า ในกรณีคนที่ไลฟ์สดหรือคนที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ เข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 374 ผู้ใดเห็นผู้อื่นตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิตซึ่งตนอาจช่วยได้ แต่ไม่ช่วยตามความจำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

อง ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ จยย.รับจ้างอ้างว่าไม่ทราบว่าหญิงคนดังกล่าวจะกระโดดสะพานนั้นเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ได้ ตามหลักวิญญูชนแล้วแค่เห็นคนขึ้นไปนั่งบนราวสะพาน ดื่มสุราจนเมา มีท่าทางเศร้าโศก ยืนหันหน้าไปทางฝั่งแม่น้ำทำท่าจะกระโดดก็ต้องห้ามปราม หยุดยั้ง แค่ลักษณะขึ้นไปบนคอสะพานก็รู้แล้วว่าเป็นอันตราย มีความเสี่ยง เพราะคนทั่วไปคงไม่ไปถ่ายรูปเล่นในลักษณะนั้น จึงฝากไปถึงประชาชนทั่วไปถ้าเห็นคนกำลังฆ่าตัวตาย หรือกำลังได้รับอันตราย แต่ไม่ช่วยก็จะมีความผิดตามมาตราดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ถ้าหากเป็นกรณีอุบัติเหตุตามท้องถนน หากมีคนเห็นแล้วพอช่วยเหลือได้ แต่ไม่ช่วย ก็อาจจะเข้าข่ายมีความผิดตามมาตรา 374 ด้วยเช่นกัน โดยมาตรานี้มุ่งหวังให้คนได้รับความช่วยเหลือ

หลักฐานใหม่...คดีหนุ่มเวดดิ้ง!! ใช้ยาปลุกเซ็กส์เกินขนาด

ล่าสุดวันที่ 3 มกราคม 2561 พล.ต.ต. สมพงษ์ ทองใบ ผบก.ภ.จว.ตรัง ออกมาเปิดเผยว่า า ตอนนี้ตำรวจรอผลการชันสูตรพลิกศพ คาดว่าไม่เกินช่วงเย็นวันที่ 3 มกราคม นี้ ก็จะทราบ

ขณะเดียวกันมีการสอบปากคำผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งอย่างหนัก จนเวลา 21.00 ของวันที่ 2 มกราคม 2561 “ผู้ต้องสงสัยเปิดปากยอมรับสารภาพแล้ว ซึ่งก่อนที่นายภาคินจะเสียชีวิต มีการร่วมเพศกันในรถ แต่จู่ ๆ อีกฝ่ายน้ำลายฟูมปาก จึงเอาเสื้อมาเช็ดปากให้ กระทั่งเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเสียชีวิต จึงนำทรัพย์สินผู้ตายและทองที่ติดตัวมา ไปขายที่โลตัส แล้วนำเงินที่ได้ไปซื้อไอโฟน นัดเจอคู่ขารายต่อไป โดยไปมีเซ็กส์กันต่อที่บ้านเช่าหลังหนึ่งใน อ.ทับเที่ยง”

ล่าสุด พ.ต.ท ประเสริฐ สงแสง รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน สภ.เมืองตรังได้เรียกพยานมาสอบปากคำเพิ่มเติมแล้ว 2 ปาก และในวันนี้ ได้นำตัว นายพีระพัฒน์ อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตรังเป็นผัดแรก พบประวัติผู้ต้องหาเคยต้องโทษคดีลักทรัพย์เมื่อ 3 เดือนก่อน

พบหลักฐานใหม่จากเพื่อนในกลุ่มชายรักชาย โดยระบุว่า นายภาคิน น่าจะทานยาปลุกเซ็กส์ชนิดใหม่ที่ชื่อ “กะปิ” เข้าไปเกินขนาดก่อนมีเพศสัมพันธ์ โดยผู้ตายมีอาการชักเกร็ง น้ำลายฟูมปาก และอาเจียนออกมา ขณะกำลังมีสัมพันธ์ทางเพศ ทำให้เกิดอาการช็อกและเสียชีวิตใน 3-4 นาทีต่อมา

วันพุธที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2561

ช็อคโกแลตอาจจะหมดลงในอีก 30 ปี ข้างหน้า!!

เป็นเรื่องราวสุดช้อกเลยทีเดียวเมื่อทางด้านของผู้เชี่ยวชาญออกมาเปิดเผยถึงสถานการ์ณที่น่าตกใจ ช็อกโกแลต อยู่ในสภาวะขาดแคลนครั้งใหญ่และจะหมดลงจากโลกในอีก 30 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน

โดยเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นได้รับการเปิดเผยจากทางด้านสื่อชื่อดังอย่าง Daily Mail ที่ออกมายืนยันคำพูดของเหล่าบรรดาผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้หลังจากมองเห็นว่ามันกำลังมีผลกระทบอย่างมากในอนาคตอันใกล้นี้  ช็อกโกแลตอาจจะหมดไปจากโลกภายใน 30-40 ปีข้างหน้า เนื่องจากต้นโกโก้ ประสบปัญหาเจริญเติบโตได้ยากภายในสภาพภูมิอากาศที่ร้อนขึ้น โดยรายงานเผยว่า ต้นโกโก้สามารถเจริญเติบโตได้แค่ภายในพื้นที่ใกล้เส้นศูนย์สูตร และต้องมีอุณหภูมิประมาณ 20 องศาเซลเซียส รวมทั้งยังต้องมีปัจจัยจำกัดอื่น ๆ อีก เช่น มีความชื้นสูงและมีฝนมาก

ทางด้านนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า “มีโอกาสน้อยที่ปริมาณน้ำฝนจะเพิ่มขึ้นเพียงพอเพื่อชดเชยการสูญเสียความชุ่มชื้นนั้น นั่นหมายถึงพื้นที่การเพาะปลูกต้นโกโก้ จะต้องถูกย้ายขึ้นไปปลูกในพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขา เพื่อที่จะรักษาพันธุ์ของมันเอาไว้ก่อนที่จะถึงปี 2593 ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้หลายประเทศ อาทิ โกตดิวัวร์ และกานา ซึ่งเป็นประเทศที่ผลิตช็อกโกแลตมากกว่าครึ่งของโลก จะต้องเผชิญกับสถานการณ์ลำบากที่ยากจะตัดสินใจได้ว่า ควรจะรักษาพันธุ์ช็อกโกแลตเอาไว้ หรือรักษาระบบนิเวศที่กำลังจะตายไป ”

“โลกกำลังเดินหน้าไปสู่ภาวะช็อกโกแลตขาดตลาด เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศกำลังพัฒนาเริ่มมีการนิยมบริโภคของหวานมากขึ้น โดยรายงานการวิจัยชื่อ Destruction by Chocolate (การเสื่อมสลายของช็อกโกแลต) พบว่า ทั่วไปแล้วผู้บริโภคฝั่งตะวันตกกินช็อกโกแลตบาร์โดยเฉลี่ยคนละ 286 บาร์ต่อปี และปริมาณจะเพิ่มขึ้นหากเป็นชาวเบลเยียม โดยช็อกโกแลต 286 บาร์ ผู้ผลิตจะต้องปลูกต้นโกโก้ 10 ต้น เพื่อนำไปผลิตเป็นโกโก้ และเนย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตช็อกโกแลต”

ขุดข่าวสุดฮ๊อต

ผู้การเมืองคอนสอบเครียด!! หิ้วเสกเค้น ปม ยิงปืนขึ้นฟ้า

เรียกว่าเป็นเรื่องราวที่ได้รับความสนใจมากทีเดียวสำหรับกรณีของทางด้าน เสก-โลโซ ที่โดนทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าบุกจับกุมตัว หลังจากที่ก่อวี...