ขนส่งฟันแล้ว!!รถตู้หัวร้อน เพิกถอนใบอนุญาต

     เป็นเรื่องราวที่ฮือฮาบนโลกออนไลน์มากทีเดียวเมื่อทางด้านของเพจชื่อดังออกมาเปิดเผยคลิปวินาทีเหตุการณ์ที่ทางด้านของคนขับรถตู้ทั้งสองคนได้ลงไม้ลงมือกันหลังจากที่พยายามที่จะปาดหน้าใส่กันระหว่างขับรถโดยสาร

    วันที่ 2 มกราคม 2561 ทางด้านของ เพจ ติดตาม จราจร หัวโปก ได้ออกมาโพสตืเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยมีการโพสต์คลิปวีดีโอและมีการระบุข้อความที่ว่า

#วินรถตู้เดือดชกกันกลางถนน…!
ฝากพีน้องโคราชบ้านเรา ขับรถใจเย็นๆนะครับ
เหตุการณ์สดๆ ร้อนๆ ไม่ได้เกิดที่บ้านเรา เกิดที่บ้านโป่ง ราชบุรี กำลังเดินทางกลับโคราช
รถตู้คันหน้า ปาดหน้าเกือบชน คันที่นั่งมา ก้อขับปาดคืน
คันหน้าปาดให้จอด พร้อมถือมีดลงมา ตามคลิปเลย

ล่าสุด นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยกรณี ตามที่มีการเผยแพร่คลิปผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เจ้าหน้าที่สำนักงานขนส่งจังหวัดกาญจนบุรีควบคุมตัว นายทวี อ้นประจำ พนักงานขับรถรายก่อเหตุ ได้ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกาญจนบุรี และจะควบคุมตัวนายทวีส่งพนักงานสอบสวนท้องที่เกิดเหตุเพื่อเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีทางอาญาต่อไป

“จากพฤติกรรมของนายทวีถือเป็นอันตรายอย่างร้ายแรง กรมการขนส่งทางบกไม่ยินยอมให้บุคคลที่มีพฤติกรรมอันเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชนโดยเด็ดขาด เบื้องต้นสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถของนายทวีเป็นระยะเวลา 3 เดือน มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พร้อมดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันทีโดยไม่รอผลคดีสิ้นสุด นอกจากนี้ยังเปรียบเทียบปรับความผิดตามมาตรา 102 (2) ประกอบมาตรา 127 ตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 สูงสุดเป็นเงิน 5,000 บาท

ส่วนเจ้าของรถ บริษัท กาญจนบุรีเอ็กซ์เพรส จำกัด กรมการขนส่งทางบกมีคำสั่งพักใช้รถคันหมายเลขทะเบียน 15-2185 กรุงเทพมหานคร เป็นระยะเวลา 15 วัน มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ด้าน บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ในฐานะผู้ประกอบการขนส่ง ซึ่งเป็นเจ้าของใบอนุญาตประกอบการขนส่งที่ให้ผู้อื่นเข้าร่วมประกอบการ มีความผิดตามกฎกระทรวงความปลอดภัยในการขนส่ง พ.ศ. 2558 ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งต้องควบคุม กำกับ ดูแลให้พนักงานขับรถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัย ปรับสูงสุดทันที 50,000 บาท ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (3 มกราคม 2561) กรมการขนส่งทางบกได้เรียกตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.), บริษัท กาญจนบุรีเอ็กซ์เพรส จำกัด, พนักงานขับรถคู่กรณีทั้งสองฝ่าย มาชี้แจงรายละเอียดเหตุการณ์ดังกล่าว ณ กรมการขนส่งทางบก”